วันพุธที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2552

การทำแผ่น Boot Acronis ลงแผ่น DVD

มี Mail มา 2 ฉบับครับ ฉบับแรกจากคุณเดชาธร " กระผมมีเรื่องรบกวนอยากเรียนถามวิธีการทำแผ่น boot DVD จาก Acronis ครับคือ มือใหม่จริง ๆ ควานหาไม่เจอ ไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหนครับ"

ฉบับที่ 2 จากคุณ Sathaporn "ส่วนปัญหาที่ผมอยากสอบถามคือ เรื่องการ Restore ผ่าน DVD ที่Backup ด้วยวิธีการ Spliting ว่ามีกระบวนการ Restore อย่างไรผ่านแผ่น DVD ที่ทำไว้ 2 แผ่น (เคยbackupแล้วsplit ได้ 2 แผ่น) มีวิธีการทำอย่างไร"

ขอตอบในครั้งเดียวกันนี้เลย ในส่วนของการทำ Boot DVD นั้นให้ทำตามขั้นตอนใน " Backup ข้อมูลด้วย Acronis True Image Home " จนเสร็จ จากนั้นให้ใช้ โปรแกรม UltraISO เปิดไฟล์ Image ของ Acronis เพิ่มไฟล์ Backup ลงไป ก็จะได้แผ่นจะได้แผ่น Backup DVD ครับ ส่วนวิธีการใช้โปรแกรม UltraISO ขอให้ประยุกต์ใช้จากเรื่อง เพิ่มไฟล์ลงแผ่น Windiws XP โดยใช้ UltraISO นะครับ

ในส่วนของการ Restore โดยใช้ Backup ที่ผ่านการ Spliting มานั้น ให้นำไฟล์ Backup แผ่นที่ 2 มาทำเป็นแผ่น Boot เพราะ Acronis จะเรียกหาส่วนสุดท้ายก่อน ซึ่งเวลา Restore ต้องคอยสลับแผ่นตามที่โปรแกรมเรียกหาครับ

เทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อนที่เราจะ Backup Windows ให้เรียก Run แล้วพิมพ์ %temp% จากนั้นให้ลบไฟล์ที่อยู่ในโฟล์เดอร์ Temp ทิ้งทั้งหมดครับ จะช่วยให้ไฟล์ Backup มีขนาดเล็กลงครับ ( สำหรับ Windows ที่ไม่ได้ปรับแต่งอาจได้ถึง 1.4 GB เลยทีเดียว )



อีกส่วนหนึ่งที่จะทำให้ไฟล์ Backup ของเรามีขนาดเล็กลงได้นั้นคือ ในหน้า Files to exclode ที่สามารถตัดไฟล์ที่ไม่ต้องการออกไปได้นั้น ให้ Add ไฟล์ Pagefile.sys ลงไป แล้ว Backup ต่อไปตามปกติ ไฟล์ Backup ที่ได้ก็จะมีขนาดเล็กลงอีกตามขนาดของ Pagefile.sys ที่ตั้งไว้ครับ ( ประมาณ 1.5 เท่าของ Ram ที่คุณติดตั้งไว้ในคอมพิวเตอร์ )

และหากคุณลงเฉพาะโปรแกรมที่คุณจำเป็นต้องใช้จริง ๆ แล้วลบไฟล์ใน Temp ทิ้ง บวกกับตัดไฟล์ Pagefile.sys ออกไป Backup ของคุณก็คงมีขนาดเพียงแค่ DVD แผ่นเดียวครับ

วันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ลง WindowsXP จาก USB/Flash Drive แล้วลง Office2007 ไม่ได้ แก้ง่ายแค่...

ใครที่ลง Windows XP จาก USB/Flash Drive หรือ ใช้แผ่นที่ผ่านการปรับแต่งมา อาจจะเคยพบเจอปัญหานี้ครับ นั้นคือ ไม่สามารถลง Office 2007 ได้ เวลาลงไปแล้วจะขึ้นข้อความว่า "บริการ windows Installer ไม่สามารถปรับปรุงแฟ้ม Windows ที่ถูกปกป้องได้ การติดตั้งล้มเหลว กำลังยกเลิกการเปลี่ยนแปลง..."




ปัญหาเกิดจากไฟล์ fp4Autl.dll หายไปนั้นเอง วิธีแก้ก็ง่ายๆ แค่ก๊อบปี้ไฟลตัวนี้ไปวางไว้ในที่ที่มันควรจะอยู่ คือที่ c:\program files\common files\microsoft shared\web server extensions\40\bin ก็จะสามารถลง Office 2007 ได้ตามปกติครับ

ไฟล์ fp4Autl.dll หาได้จากแผ่นติดตั้ง Windows XP ทั่วไป โดยเปิดแผ่นเข้าไปที่โฟลเดอร์ i386 จากนั้นหาไฟล์ที่ชื่อว่า FP40EXT.CAB ดับเบิ้ลคลิกมันขึ้นมา มองหาไฟล์ fp4Autl.dll ที่เราต้องการ แล้ว Extract ไฟล์ออกมา ก๊อบปี้ไปไว้ใน c:\program files\common files\microsoft shared\web server extensions\40\bin ก็เป็นอันเสร็จพิธี

ส่วนใครไม่อยากยุ่งยาก ผมเตรียมไฟล์เป็น .exe ให้แล้ว โหลดจากที่นี่ไป เวลาจะใช้ก็แค่ดับเบิ้ลคลิก กด Install ก็ใช้ได้เหมือนกันครับ

วันพฤหัสบดีที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2552

USB/Flash Drive ตัวเดียว เปรี้ยว !!! ติดตั้งได้ทั้ง Windows 7/Vista/XP และ PE ด้วย USB Multiboot 10

สำหรับผู้ดูแลระบบหรือช่างคอมพิวเตอร์แล้ว มีความจำเป็นที่จะต้องมีแผ่นบู๊ตหลายแบบไว้แก้ปัญหาต่างๆ แต่สำหรับบางคนการพกแผ่น CD/DVD ก็เป็นเรื่องยุ่งยากซะเหลือเกิน ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ไม่ชอบพกแผ่น CD/DVD จึงเปลี่ยนมาใช้ USB บู๊ต Backup ข้อมูลต่าง ๆ หรือใช้ Hiren's Boot ในการแก้ไขปัญหาไวรัสหรือกู้ข้อมูล แต่ยังติดปัญหาเรื่องการติดตั้ง Windows ตัวเต็มจาก USB/Flash Drive ที่อยากพกตัวเดียวแต่ลงได้ 2- 3 OS และเห็นว่า USB MultiBoot 10 ที่มีอยู่น่าจะทำได้ (แต่ไม่ได้ลองทำซะที ) และหลังจากที่ลองทำ ก็พบว่าเป็นที่น่าพอใจจึงนำมาเขียนแนะนำกันครับ

สิ่งที่ต้องมีก่อน
1. โปรแกรม USB MultiBoot 10 กดโหลดได้ที่นี่
2. แผ่นติดตั้ง Windows XP ( แนะนำให้ใช้แผ่นที่ยังไม่ผ่านการโมมา/แผ่นแท้นะครับ )
3. แผ่นติดตั้ง Windows 7 หรือ Vista ( อันนี้เลือกเอาครับว่าจะใช้อะไร แต่ในที่นี้จะใช้ Windows 7 )
4. แผ่น Windows PE
5. USB/Flash Drive 4 GB ขึ้นไป

เริ่มกันที่ สร้างโฟลเดอร์ขึ้นมา 3 โฟลเดอร์ ตั้งชื่่อเป็น XP, 7, และ PE ตามลำดับ แล้วก๊อบปี้ไฟล์ในแผ่นที่เตรียมไว้เข้าไปในโฟลเดอร์ตามชื่อครับ

เมื่อก๊อบปี้ไฟล์ทั้งหมดแล้ว เปิดโฟลเดอร์ USB MultiBoot 10
รัน USB_MultiBoot_10.cmd ขึ้นมาแล้วกด Enter


พิมพ์ h เพื่อรัน HP USB Disk Storage Format Tool
เลือก USB/Flash Drive ที่ต้องการ ( ดูดี ๆ นะครับ เพราะหากผิด Drive จะเสียเวลากู้ข้อมูลอีก ) ติ๊กที่ช่อง Quick Format เพื่อให้ Format เร็วขึ้นแล้วกด Start


หลังจาก Format เสร็จปิด HP USB Disk Storage Format Tool
แล้วกลับมาที่ USB_MultiBoot_10.cmd พิมพ์ p เลือกไปที่โฟลเดอร์ที่คุณเก็บไฟล์ PE ไว้ ( ในกรณีของผมเป็น D:\pe )

จากนั้นพิมพ์ v เลือกไปที่่โฟลเดอร์ที่คุณเก็บไฟล์ Windows 7 หรือ Vista ไว้ ( เช่นเดียวกันกับ PE ในกรณีของผมเป็น D:\Windows7 )

พิมพ์ 1 เลือกไปที่เก็บไฟล์ XP ( ผมใส่แผ่นติดตั้งใน CD-Rom จึงเลือกเป็น H:\ )


เมื่อเราเลือกที่เก็บไฟล์ Windows XP แล้ว จะมีเมนูขึ้นมาให้เราตั้งค่าจะกด Cancel เพื่อไปตั้งค่าตอนติดตั้ง Windows XP ก็ได้ แต่ขอแนะนำให้กด Yes ไปดีกว่าครับ

ส่วนที่สำคัญคือในข้อ 3 ให้ใส่ Product Key 25 ตัว ของ Windows ลงไป และในข้อ 6 TimeZome ที่ต้องเลือกเป็น 205 เพื่อเป็นเวลาในประเทศไทยครับ ส่วนข้ออื่นตั้งได้ตามใจชอบ


จากนั้นพิมพ์ 2 เพื่อเลือก USB/Flash Drive ที่เราจะใช้ ( ของผมเป็น G: )
สุดท้ายแล้ว ให้พิมพ์ 3 เพื่อให้โปรแกรมก๊อบปี้ไฟล์ทุกอย่างลง USB/Flash Drive และจากนี้หากโปรแกรมมีเมนูขึ้นมาให้เราเลือก ให้เลือก Yes ไว้ตลอดครับ

นอกจาก 3 ตัวที่เราจับยัดลง USB/Flash Drive แล้ว USB MultiBoot 10 ยังใส่ตัวบู๊ตได้อีกหลายอย่างครับ แต่สำหรับผม ถ้าใส่ PE ลงไปแล้วตัวบู๊ตอื่น ๆ ก็ไม่ค่อยสำคัญ เพราะ PE ทำได้ครบแล้วครับ ทั้งเรื่องจัดการ Harddisk, Backup/Restore ข้อมูล, กำจัดไวรัส ( ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับโปรแกรมที่ติดตั้งใน PE ) สรุป USB/Flash Drive ตัวเดียวเปรี้ยวได้ทั่วครับ

ทิ้งท้ายอีกนิด ใครจะทำลง USB Harddisk ก็ได้นะครับ ไม่ผิดกติกา


Tag : USB, Flash Drive, USB Boot, Windows 7, Vista, Windows XP

วันศุกร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ลง Windows 7 หรือ Vista จาก USB/Flash Drive

Windows 7 เป็น OS ใหม่ที่ Microsoft จะวางจำหน่ายแทน Windows Vista ในช่วงปลายปีนี้ ด้วยระบบที่พัฒนาขึ้นกว่าเดิม ทำให้ Windows 7 ไม่กินแรงเครื่องและเหมาะที่จะลงกับ Net Book มากกว่า Vista แถมยังมีระบบให้นำไปทำตัวติดตั้งจาก USB/Flash Drive มาให้ด้วย มาดูกันครับว่าทำอย่างไร

การลง Windows 7 หรือ Vista จาก USB/Flash Drive

สิ่งที่คุณต้องมีก่อนก็คือ
1. แผ่นติดตั้ง Windows 7 หาโหลดได้จากเวบของ Microsoft ซึ่งตอนนี้ให้ใช้ได้ฟรีถึง มิถุนายน 2553 ครับ ใส่รอไว้ใน DVD Drive ของคอมพิวเตอร์คุณได้เลยครับ
2. USB/Flash Drive ขนาด 4 GB ขึ้นไป
3. คอมพิวเตอร์ที่มี DVD Drive และลง Windows 7 ไว้แล้ว ( โปรแกรม Diskpart ของ Windows XP ไม่สามารถใช้งานได้ครับ )

ถ้าคุณมีทุกอย่างพร้อมแล้ว เริ่มกัน ไปที่ Start Menu พิมพ์ cmd ในช่อง Search programs and files หรือ ที่ Accessories / Command Prompt เพื่อเรียก cmd.exe ขึ้นมา

พิมพ์ diskpart กด Enter จะมีหน้าต่าง Diskpart.exe ขึ้นมา แต่อย่าพึ่งปิดหน้าต่าง cmd นะครับ เพราะจะต้องใช้ต่อ


ที่หน้าต่าง Diskpart.exe ทำตามขั้นตอนนี้ครับ

1. พิมพ์ list disk เพื่อดูว่า USB/Flash Drive เป็น Disk ที่เท่าไหร่ ( USB/Flash Drive ต้องเสียบอยู่ที่คอมพิวเตอร์อยู่แล้วนะครับ ไม่งั้นจะหาไม่เจอ )

2. พิมพ์ select disk x ( x แทนตัวเลข disk ครับ ในกรณีของผมเป็น disk 3 )

3. พิมพ์ clean เพื่อลบทุกอย่างใน USB/Flash Drive

4. พิมพ์ create partition primary

5. พิมพ์ select partition 1

6. พิมพ์ active

7. พิมพ์ format fs=xxx quick ( ตรง xxx ให้เลือกได้ครับว่า จะใช้ fat32 หรือ ntfs ตัดสินใจง่าย ๆ ครับ ถ้าต้องการติดตั้งอย่างเร็ว ใช้ ntfs แต่ถ้าจะใช้เก็บเพลงไว้เล่นกับเครื่องเล่น DVD ให้ใช้ fat32 ส่วน quick หมายถึงให้ format แบบเร็วครับ )

8. พิมพ์ assign เพื่อบันทึกตำแหน่งของ USB/Flash Drive จากนั้น พิมพ์ exit ออกจาก diskpart ครับ


กลับมาที่หน้า cmd ( ใครปิดไปแล้วก็เปิดขึ้นมาใหม่ ) พิมพ์ x: ( x แทน DVD Drive letter ในคอมพิวเตอร์ผมคือ f: )

พิมพ์ cd boot เพื่อเข้าไปที่ folder boot แล้วพิมพ์ bootsect /nt60 x: ( x แทน USB/Flash Drive ในคอมพิวเตอร์ผมคือ g: )


เมื่อเตรียม Boot Secter เสร็จแล้ว ก็ Copy ไฟล์ทุกอย่างในแผ่นติดตั้ง Windows 7 ลงไปใน USB/Flash Drive แค่นี้คุณก็ได้ USB/Flash Drive ไว้ติดตั้ง Windows 7 แล้วครับ

สุดท้ายเวลาติดตั้งอย่าลืมตั้ง Boot ของ Net Book เป็น USB/Flash Drive ก่อนนะครับ



วันเสาร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2552

จับ Hiren's Boot ลง Flash Drive

ช่วงนี้กระแส Net Book กำลังมาแรงครับ และ Net Book ที่ว่าก็ไม่มี CD/DVD Drive ซะด้วย ทำให้การติดตั้ง Windows ลงโปรแกรม จำเป็นต้องพึ่งพาอุปกรณ์ต่อพ่วงภายนอก ซึ่งเป็นเรื่องยุ่งยากและสิ้นเปลืองที่จะซื้อ Drive External มาใช้ในขณะที่ Flash Drive มีราคาถูกมาก ดังนั้นวันนี้มาจับ Hiren's Boot ลง Flash Drive กันครับ ก่อนอื่นขออธิบายสักนิด สำหรับคนที่ยังไม่รู้ว่า Hiren's Boot คืออะไร

Hiren's Boot คือ ชุดรวมโปรแกรมจัดการคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเป็น Back Up Windows, จัดการ Hard disk, กู้ข้อมูล, แก้ไขปัญหาต่างๆ ของ Windows เรียกได้ว่าครบวงจรเลยที่เดียว ยิ่งเวอร์ชั่นตั้งแต่ 9.7 ขึ้นมา มี Mini Windows ติดมาด้วย ยิ่งทำให้การกู้ข้อมูลของเครื่องที่ Windows ล่ม ทำได้ง่ายขึ้นไปอีกครับ

ก่อนอื่นก็ต้องเตรียมตัวกันก่อน สิ่งที่คุณต้องมีตามนี้ครับ
1. Hiren's Boot
2.
USB Disk Storage Format
3. Grub 4 DOS

เสียบ Flash Drive ที่มีขนาดเกิน 256 MB เข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ครับ แต่ต้องให้แน่ใจว่า ใน Flash Drive ไม่มีข้อมูลสำคัญอะไรนะครับ ถ้ามีให้เซฟไว้ที่อื่นก่อน เพราะเมื่อสั่ง Format แล้วข้อมูลจะหายหมด เดี๋ยวจะหาว่าผมไม่เตือน

เปิดโปรแกรม USB Disk Storage Format เลือก Drive USB เตรียมไว้ครับ ( ดูให้ถูกนะครับ เดี๋ยวข้อมูลหายหมด ) ในช่อง Volume Label เราสามารถตั้งชื่อ Flash Drive ของเราได้ตามใจชอบ จากนั้นกด Start ได้เลยครับ



เมื่อ Format เสร็จแล้ว ให้เปิดโปรแกรม Grub 4 DOS ตั้งค่าตามภาพข้างล่างนี้ แล้วกด Install ได้เลยครับ
สำหรับคนที่ใช้ Windows 7 โปรแกรม USB Disk Storage Format และ Grub 4 DOS ต้อง Run ในโหมด Administrator เท่านั้นนะครับ



เมื่อโปรแกรม Grub 4 DOS ทำงานเสร็จแล้วให้ Copy ไฟล์ grldr และ menu.ist ในโฟลเดอร์ Grub 4 DOS ลงไปใน Flash Drive ที่เราทำไว้ครับ

จากนั้น Copy ไฟล์ทุกอย่าง ใน Hiren's Boot ที่เราไรท์ใส่ CD เตรียมไว้แล้ว ลงไปครับ เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จครับ

วันพฤหัสบดีที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2552

NTLDR is missing แก้ง่าย ๆ ด้วย Acronis True Image Home


เคยไหมครับ Boot Computer ขึ้นมา แล้วหน้าจอแสดงผลว่า NTLDR is missing Press Ctrl+Alt+Del to restart การแสดงผลการบูตลักษณะนี้คือ ไฟล์ NTLDR หายไปครับ วิธีแก้ก็มีหลาย ๆ แบบครับ บางคนใช้แผ่นติดตั้ง Windows XP repair ใหม่ คนที่ก๊อปไฟล์ใน DOS ได้ ก็ก๊อปไฟล์ NTLDR จากเครื่องเพื่อนมา แต่วิธี repair Windows ใหม่ใช้เวลามากเกินไป ส่วนการก๊อปไฟล์ใน DOS ก็เป็นเรื่องยุ่งยากสำหรับบางคน วันนี้มาลองวิธีนี้กันครับ

NTLDR is missing แก้ง่าย ๆ ด้วย Acronis True Image Home

1. เริ่มต้นด้วยการ Boot แผ่น Acronis True Image ครับ แล้วทำตามขั้นตอนตามบทความเรื่อง Backup ข้อมูลด้วย Acronis True Image Home ตอน 2 ตั้งแต่ข้อที่ 10 - 13 จากนั้นในหน้า Choose restore method ให้เลือกที่ Restore chosen files and folders ( ตามรูปข้างล่าง )



2. หน้า Restore backup data to เลือกพื้นที่ที่จะ Restore ( ในกรณีที่ทำ Backup จากเครื่องอื่น จะเลือกได้แค่ New location )


3. เลือกพื้นที่ที่จะ Restore ในกรณีนี้ เลือกที่ Drive C: ครับ


4. เลือกติ้กเครื่องหมายถูกหน้าไฟล์ที่ต้องการ Restore กลับมา คือไฟล์ที่ใช้สำหรับการ Boot ทั้งหมด AUTOEXEC.BAT, boot.ini, CONFIG.SYS, MSDOS.SYS, NTDETECT.COM, ntldr

5. จากนั้นให้กด Summary และ Proceed รอ 2 - 3 วินาที ก็เสร็จเรียบร้อย Restart เครื่อง ใช้งานคอมพิวเตอร์ได้ตามปกติแล้วครับ

ทิ้งท้าย วิธีการแก้ NTLDR is missing ด้วย Acronis True Image สามารถประยุกต์ใช้กับการ Restore ไฟล์ที่ต้องการอื่น ๆ ใน Image ที่ Backup ด้วย Acronis True Image ครับ

วันเสาร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

เรื่องง่าย ๆ จับภาพหน้าจอมาใช้ ไม่ต้องใช้โปรแกรมช่วย

โปรแกรมจับภาพหน้าจอเป็นโปรแกรมหนึ่งที่นำมาใช้จับภาพหน้าจอ เพื่อนำไปใช้ในงานที่หลากหลาย แต่บางคนไม่ได้ใช้บ่อย ๆ การหาโปรแกรมมาลงในคอมพิวเตอร์อาจเป็นการสิ้นเปลืองครับ

Windows ทุกเวอร์ชั่นรวมถึง Windows 7 ต่างก็มีโปรแกรมนี้ไว้ใช้งานครับ ซึ่งบางคนไม่รู้บางคนรู้แต่อาจลืมไปแล้ว นั้นก็คือ ปุ่ม Print Screen ที่ Keyboard นั้นเองครับ

วิธีการใข้งานก็คือ เลือกภาพหน้าจอที่เราต้องการใช้งาน เมื่อได้แล้วให้กดปุ่ม Print Screen เพื่อเซฟภาพ จากนั้นให้เปิดโปรแกรม Paint ( ที่เด็ก ๆ ใช้วาดรูป-ระบายสีเล่น ) แล้วกด Ctrl + v วางภาพลงไปครับ ใช้โปรแกรม Paint แต่งภาพตามใจชอบ หรือ เซฟภาพเป็นนามสกุลที่ต้องการแล้วใข้โปรแกรมอื่น ๆ จัดการก็ได้ครับ

เพิ่มเติมครับ การกดปุ่ม Print Screen เป็นการจับภาพหน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งหน้าจอครับ หากต้องการเพียงหน้าต่างเดียว ให้เลือกหน้าต่างนั้นเป็นหน้าต่าง Active ( อยู่บนสุด ) จากนั้นกด Ctrl + Alt + Print Screen ก็จะได้ภาพจากหน้าต่างที่ต้องการเพียงหน้าต่างเดียวครับ

วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ปรับ L2Cache เร่งพลัง CPU

L2Cache คือ หน่วยความจำลำดับที่ 2 ที่อยู่ใน CPU ครับ ซึ่งจะมีขนาดต่าง ๆ กันไป ตามการออกแบบและประเภทของ CPU เช่น Celeron มี L2 = 512 KB, Pentium มี L2 = 1 MB หรือ Athlon X2 มี L2 = 512 KB 2 ตัว

CPU ที่มี L2Cache ขนาดใหญ่กว่าจะได้เปรียบ CPU ที่มี L2Cache ขนาดเล็กกว่า ในเรื่องของการประมวลผลแอฟพลิเคชั่นที่มีขนาดใหญ่มาก ๆ เช่น การตัดต่อวีดีโอ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ใช่ว่า ผมจะมาแนะนำให้ใช้ CPU ที่มี L2Cache ที่มีขนาดใหญ่มาก ๆ นะครับ เพราะการเลือกขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละบุคคลมากกว่า

วันนี้จะมาแนะนำให้คุณปรับ L2Cache ให้เหมาะกับ CPU ที่คุณใช้อยู่ครับ

Windows เวอร์ชั่นต่าง ๆ ไม่ว่าจะ XP, Vista, หรือล่าสุด Windows 7 ที่เรา ๆ ท่าน ๆ ใช้กันอยู่ทุกวันนี้ ยังถือว่ายังไม่สมบูรณ์แบบที่สุดครับ เพราะ Windows ไม่เคยรู้ครับ ว่า CPU ที่เราใช้มี L2Cache ขนาดเท่าไหร่ เราจึงจำเป็นที่ต้องตั้งค่าในส่วนนี้

สำหรับใครที่ไม่รู้ว่า CPU ที่ใช้อยู่มี L2Cache ขนาดเท่าไหร่ อาจใช้ โปรแกรม CPU-Z ตรวจดูได้ครับ
และสำหรับคนที่ไม่มีโปรแกรม CPU-Z คลิกโหลดได้จากที่นี่


เริ่มจากกด Start เรียก Run พิมพ์ regedit แล้วกด OK ครับ

1. ที่หน้าต่าง Register Editor ให้เลือกไปที่ HKEY_LOCAL_MACHINE \ SYSTEM \ CurrentControlSet \ Control \ Session Manager \ Memory Magement

2. คลิกขวาที่ SecondLevelDataCache กด Modify


3. ที่หน้าต่าง Edit DWORD Value ในกรอบ Base เลือกเป็น Decimal ( ตัวเลขฐาน 10 ) จากนั้นพิมพ์เลข L2Cache ในช่อง Value data ( หน่วยเป็น KB เช่น 1 MB = 1024, 2 MB = 2048 )


แค่นี้ CPU ของคุณก็จะทำงานได้เต็มพลังครับ

วันพุธที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

เรื่องง่าย ๆ ...ป้องกันไฟล์ ไม่ให้ใครมายุ่ง

คุณมีไฟล์งานที่ไม่อยากให้คนอื่นมารู้เห็นอยู่ใช่หรือไม่ครับ แล้วคุณใช้วิธีไหนในการป้องกัน ? หาที่เซฟงานที่อื่นที่ไม่มีใครรู้ ? ใช้โปรแกรมป้องกัน หรือ บีบอัดไฟล์ ใส่รหัส ? หรือ...

วันนี้ ผมมีอีกหนึ่งวีธีมาเสนอให้เป็นทางเลือก วิธีการคล้ายกับการใส่รหัสครับ แค่จำให้ได้ครับว่าเราแก้ไขอะไรลงไป

ก่อนอื่น ต้องอธิบายกันนิดครับว่า Windows มีระบบการแบ่งไฟล์เป็นประเภทต่าง ๆ เพื่อการใช้งานอยู่ นั้นก็คือนามสกุล " .xxx " ของไฟล์นั้นเอง ที่ทำให้ Windows เลือกใช้โปรแกรมเปิดงานต่าง ๆ ได้ถูกต้อง เช่น .doc สำหรับ Office 97-2003 .docx สำหรับ office 2007 .mp3 ที่คุ้นกันดีสำหรับไฟล์เพลง .avi, .dat, .mp4 สำหรับไฟล์วีดีโอประเภทต่าง ๆ และยังมีไฟล์ระบบ หรือไฟล์อื่นๆ อีกมากครับ ตามแต่ผู้เขียนโปรแกรมจะออกแบบมา

เขียนถึงตรงนี้ คงมีคนนึกออกบ้างแล้วครับ ว่าผมใช้วิธีอะไร ครับ เปลี่ยนนามสกุลไฟล์นั้นเอง วิธีการตามนี้ครับ

ไปที่ Control Panel ดับเบิ้ลคลิกที่ Folder Options

ที่หน้าต่าง Folder Options ให้เอาเครื่องหมายถูกหน้าข้อ " Hide extensions for know files types " ออก กด OK ก็จะทำให้มองเห็นนามสกุลของไฟล์ประเภทต่างๆ ได้ครับ


เมื่อเราเห็นนามสกุลของไฟล์ที่เราต้องการแล้ว ก็คลิกขวาไฟล์ที่เราต้องการเปลี่ยนนามสกุล กดที่ Rename จากนั้นจะลบนามสกุลทิ้ง หรือ เปลี่ยนนามสกุลเป็นนามสกุลอื่นก็ได้ แล้วจะมีกล่องข้อความขึ้นมาให้เรายืนยัน กด Yes หรือ OK ไปก็เรียบร้อยครับ

เพิ่มเติมเล็กน้อย หากใช้วิธีลบนามสกุลทิ้งจะทำให้ไฟล์ดูน่าสงสัย อาจลองเปลี่ยนนามสกุล เช่น จาก .doc เป็น .mp4 ครับ เวลาดับเบิ้ลคลิกที่ไฟล์ โปรแกรมเล่นวิดีโอจะทำงาน แต่จะไม่สามารถอ่านไฟล์ได้ครับ

เช่นเดียวกันกับการใส่รหัส คือห้ามลืมเด็ดขาดว่านามสกุลเดิม เป็นนามสกุลอะไรครับ

วันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

เสกลูกศร Shortcut หายไปจาก Icon หน้าจอ


สังเกตกันบ้างไหมครับ ว่า Windows ติดตั้งใหม่ ที่ Icon บนหน้าจอคอมพิวเตอร์จะมีลูกศรเล็ก ๆ อยู่

เราจะมาลบ ลูกศร Shortcut เหล่านี้ทิ้งไปครับ

ก่อนอื่น กด Start เรียก Run พิมพ์ regedit แล้วกด OK ครับ


1. ที่หน้าต่าง Register Editor ให้เลือกไปที่ HKEY_CLASSES_ROOT \ lnkfile

2. คลิกขวาที่ IsShortcut กด Delete ครับ

3. จะมีหน้าต่าง Confirm ขึ้นมา กดที่ Yes จากนั้นให้ Restart เครื่องใหม่ ก็จะเห็นว่า ลูกศร Shortcut หายไปจาก Icon หน้าจอ แล้วครับ

การเสกลูกศร Shortcut หายไปจาก Icon หน้าจอ สามารถนำไปใช้ได้กับ Windows XP, Vista และล่าสุด Windows 7 ครับ

วันเสาร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

Backup ข้อมูลด้วย Acronis True Image Home ตอน 2

จากคราวที่แล้ว ที่ได้ค้างเรื่องการ Backup และ Restore ข้อมูลด้วย Acronis True Image ไว้นั้น วันนี้เราจะมาต่อกันครับ

ก่อนอื่นต้องไรท์ Image ที่ได้จากตอนที่ 1 ลงแผ่น CD ก่อนครับ จากนั้น Restart เครื่อง

1. เลือก Boot จากแผ่น CD/DVD ที่ทำไว้ครับ

2. เลือกที่ Acronis True Image Home (Full version)

3. ตรงนี้รอสักนิดครับ เพราะโปรแกรม Acronis True Image จะสแกนหา Hard disk หากไม่มีปัญหาอะไร ก็จะผ่านไปได้ครับ

4. เลือกกดที่ Back Up ครับ

5. ในที่นี้ผมเลือก กดที่ My Computer เพื่อ Backup ข้อมูลทั้งระบบ ส่วนใครต้องการ Backup ข้อมูลบางส่วน เลือกที่ My Data ก็ได้ครับ

6. เลือกพื้นที่หรือ Partition ที่ต้องการ Backup แล้วกด Next ครับ
ตรงนี้หากใครมี 2 Hard disk เลือกติ้ก Disk 1 เพื่อ Backup ทั้ง Hard disk เลยก็ได้ครับ

7. เลือก Create new backup archive เพื่อสร้างไฟล์ Backup ใหม่ (แต่หากต้องการเพิ่มข้อมูลลงในไฟล์ Backup ที่มีอยู่แล้วให้เลือกที่ Add to existing backup archive ) จากนั้นกด Browse เลือกที่เซฟไฟล์ครับ

8. เมื่อเลือกที่เซฟงานแล้ว สามารถกด Summary และ Proceed เพื่อสร้าง Backup เลยก็ได้ครับ แต่ตรงนี้ขออธิบายในส่วนของ Optional steps ก่อนครับ

8.1 ส่วนของ Backup method จะมีให้เลือก Full คือ Backup เต็ม ซึ่่งจะใช้ในครั้งแรก ส่วน Differential และ Incremental จะใช้เพิ่มข้อมูล Backup เข้าไปในไฟล์ที่ทำ Full Backup ที่มีอยู่แล้ว

8.2 Source files exclusion จะเป็นการเลือกไฟล์ที่เราจะตัดออก ไม่ให้อยู่ในไฟล์ Backup ของเรา หากไม่แน่ใจว่าจะตัดอะไร ส่วนนี้ข้ามไปเลยครับ

8.3 ในส่วนของ Backup options จะมีปลีกย่อยหลายอย่างครับ

Archive Protection จะเป็นการตั้งรหัสเพื่อป้องกันคนอื่นนำไฟล์ Backup ของเราไปใช้ครับ ตั้งตามใจชอบ แต่ห้ามลืมรหัสที่ตั้งไว้เด็ดขาดครับ


Compression level จะเป็นระดับของการบีบอัดไฟล์ ซึ่งจะแบ่งย่อยตามนี้ครับ
1. None จะไม่มีการบีบอัดเลย แต่จะใช้พื้นที่ Backup มากตามขนาดของพื้นที่จริงครับ
2. Normal เป็นการบีบอัดที่จะแนะนำให้ใช้ครับ เพราะใช้เวลา Backup และ Restore น้อยที่สุด
ส่วนของ 3. High และ 4. Maximun เหมาะสำหรับคนที่มีพื้นที่เก็บข้อมูลน้อย บีบอัดข้อมูลได้มากแต่จะใช้เวลา Backup นานขึ้นตามลำดับครับ

ส่วนของ Backup performance/HDD writing speed จะเป็นการตั้งความเร็วในการเขียนข้อมูลลง Hard disk ข้ามได้เลยครับ โปรแกรมจะตั้งที่ความเร็วสูงสุดอยู่แล้วครับ
มาดูที่ Archive spliting จะเป็นการตั้งขนาดของไฟล์ Backup ครับ หากเลือก Automatic โปรแกรม Acronis True Image จะดูพื้นที่เซฟไฟล์เป็นหลัก แล้วแบ่งขนาดไฟล์ Backup ให้ แต่หากเราจะไรท์ลงแผ่น CD/DVD ให้กำหนดค่าในช่อง Fixed size ครับ

Eror handling จะมีให้เลือก Ignore bad sectors คือ ให้ข้าม Sectors ที่เสียหาย และ ไม่แสดงข้อความเตือนเมื่อมีข้อผิดพลาด ( Do not show messages and ... )

หัวข้อสุดท้ายของ Optional steps คือ Comments พิมพ์ข้อความได้ตามใจชอบครับ


เมื่อตั้งคงทุกอย่างครบ เป็นที่พอใจแล้ว กด Summary และ Proceed ได้เลยครับ



9. รอจนเสร็จ กด OK ครับ


เมื่อสร้างไฟล์ Backup แล้ว เราก็มาลอง Restore กันครับ

10. Boot แผ่น Backup ขึ้นมา จากนั้นกด Manage and Restore


11. กดที่ Browse for backup


12. เลือกไปที่ Folder หรือ Drive ที่เราเก็บ Backup แล้วเลือกไฟล์ Backup ในที่นี้ใช้ชื่อ MyBackup.tib จากนั้นกด OK


13. กด Restore บาร์ด้านบน หรือคลิกขวาที่ไฟล์ Backup กด Restore ก็ได้ครับ


14. เลือกที่ Restore whole disks and partition เพื่อกู้ไฟล์ทั้ง Hard Disk หรือทั้ง Partition ครับ แต่หากเลือกที่ Restore chosen files and folders เฉพาะไฟล์หรือโฟลเดอร์ที่เราต้องการ ซึ่งในที่นี้ผมจะเลือก Restore Whole disks and partition
เมื่อเลือกแล้ว กด Next


15. ติ๊กถูกหน้า NTFS(Unlabeled) (C:) สำหรับใครที่ลงด้วย Fotmat อื่นและตั้งชื่อ Drive ไว้แล้วก็จะขึ้นตามที่ตั้งไว้ก่อนทำ Backup ครับ เช่น Fat32(WindowsXP) (C:)
ติ๊กถูกหน้า MBR and Track 0 เพื่อสร้าง Boot track ของ Windows ขึ้นมา จากนั้นกด Next


16. ถึงหน้า Settings of Partition 1 มีสิ่งที่ต้องทำ 3 อย่างครับ


16.1 Partition location กด New location เพื่อเลือกพื้นที่ที่เราต้องการ เมื่อเลือกแล้ว กด Accept


16.2 Partition type กด Chang default เพื่อเปลี่ยนประเภทของ Partition ครับ ในส่วนนี้หากยังไม่ชำนาญ เลือกที่ Primary แล้วห้ามลืมติ๊กหน้าหัวข้อ Mark the partition as active จากนั้นกด Accept


16.3 Partition size กด Change default เพื่อเปลี่ยนขนาด Partition ตามใจชอบครับ เมื่อได้กด Accept แล้วกด Next


17 เลือก Hard disk ที่จะสร้าง Boot track แล้วกด Summary ได้เลยครับ


* เพิ่มเติมก่อนกด Proceed ครับ ในส่วนของ Optional steps นั้น จะมีให้ติ๊กเลือก Validate backup archive before restoration คือตรวจสอบไฟล์ Backup ก่อน Restore ครับ หากมั่นใจว่าไฟล์ Backup ไม่มีปัญหา ผ่านได้เลยครับ


18 หลังจากกด Summary แล้ว โปรแกรมจะแสดงข้อมูลที่เราตั้งค่าไว้ออกมา เมื่อแน่ใจว่าไม่มีการแก้ไขอะไรอีก กด Proceed รอจน Restore เสร็จ กด OK เป็นอันจบครับ


คงไม่ยากเกินไปนะครับ ส่วนไหนที่ไม่เข้าใจ บอกกล่าวกันมาได้ จะมาขยายความให้ครับ